Let's go

Let's go

วันเสาร์ที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

ยาแก้ปวดกล้ามเนื้อ ตัวไหนดี?

หัวข้อนี้เริ่มจากโรคปวดคอและการลองใช้ยาแก้ปวดมาหลายชนิดมาก จึงอยากส่งต่อให้เพื่อนๆ ที่ผ่านเข้ามาไว้เป็นข้อมูลค่ะ

ที่มา: เริ่มปวดต้นคอ ลงมาถึงบ่าและหลัง ตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย ปี 2544 และปวดมาเรื่อยๆ จนเข้ามหาวิทยาลัย ปี 46 เรื่อยมา จะปวดมาก โดยเฉพาะเวลาช่วงเย็น ปกติแล้วหากปวดมาก นอนก็จะดีขึ้น แต่ก็ไม่ได้หายเป็นปกติ ตื่นมาก็่ปวดระดับน้อย เย็นๆ ก็จะมากค่ะ

ซึ่งช่วงปีแรกๆ ไม่ได้ทานยาแก้ปวดเลย (ทนเอา ฮิฮิ) หลังจากที่ทนไม่ไหว ก็หายามาทาน เริ่มจากพวก NSAID (Diclofenac) และยาคลายกล้ามเนื้อ พอเข้ามหาวิทยาลัยก็เริ่มหาหมอประมาณปี 46-48 ประมาณ 3-4 ที่ หมอบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นที่กล้ามเนื้อ และมันก็จะเป็นไปแบบนี้แหละ อ้าววววว!!!! และก็จะได้ยามากินดังเดิม NSAID & muscle relaxant เห้อ!!!!  จนหยุดไปหาหมอค่ะ ไปก็เหมือนเดิม ได้ยาเหมือนเดิม ไม่หายเหมือนเดิม ได้ลองหายากินเองทุกขนาน celebrex (กินอยู่เป็นปี โดยกินในวันที่ปวดเท่านั้น ช่วงแรกก็ดี แต่ทานเรื่อยๆ ก็เริ่มไม่ดีขึ้น) > tramol (ทานบ้างในวันที่ทนไม่ไหว ทานก็ไม่ได้หาย 100%) จนเคยลอง alprazolam (เคยทานครั้งเดียว กินแล้วหลับไม่รู้เรื่องแค่นั้น ก็ไม่ได้หายปวดค่ะ ไม่ทานอีกแล้ว)

เคยเป็นมากที่สุดปี 47 (หรือ 48) ปวดคอมากวันนั้น จึงนอน พอประมาณ 20.00 น. เริ่มขยับคอและบ่าไม่ได้ คิดว่าเดี๊ยวคงหาย จึงหลับๆตื่นๆไปทั้งคืนค่ะ.... ขยับไม่ได้เหมือนเดิมจนถึงเช้า ทนไม่ไหวจึงบอกเมทให้เรียกรถพยาบาลมารับที่หอพัก ช่วงนั้นอยู่หอในด้วยค่ะ และที่แย่ไปกว่านั้น คือ นอนเตียงสองชั้นด้านบน >< พยาบาลไม่สามารถยกตัวลงมาได้ ต้องดึงให้ลุกขึ้นมา เจ็บมากๆๆๆๆ ก็เหมือนเดิมค่ะ โดนฉีด diclofenac มา และเดินเป็นหุ่นยนต์ ขยับตัวไม่ได้ไป 1 วัน ToT

ในช่วงที่ได้ลองยากินหลายๆ ตัวนั้น ก็ได้ใช้ยาทาภายนอกไปด้วย ส่วนตัวแล้วการทายาทำให้ความรู้สึกปวดลดลง ซึ่งการที่ลดลงนั้นน่าจะมาจากความเย็นหรือร้อนของยามากกว่าตัวยาซะอีก ^^ ทำให้เริ่มลองยาทาหลายๆ ตัว เป็นที่มาของ Review ครั้งนี้ ว่ายาใช้ภายนอกเพื่อบรรเทาอาการปวดตัวไหนดีสุด ฮิฮิ ไปลุยกันเลยค้า

เริ่มกันเลยค้า:
รวมญาติ (ไม่ครบเซตนะคะ บางยี่ห้อก็หมดและไม่ได้ใช้แล้ว)


ตัวแรกเลย อยู่กับคนไทยมานาน ยาหม่องตาเสือ ทาสักประมาณ 5 นาทีจะรู้สึกถึงความแสบร้อน และช่วยบรรเทาได้ระยะหนึ่งค่ะ
คะแนน (เต็ม 10):
- กลิ่น 10 (อาจจะเป็นเพราะคุ้นเคย แต่ชอบนะคะ)
- เนื้อสัมผัสและลักษณะเนื้อยา 8 เป็น ointment ทาแล้วจะยังรู้สึกว่าเหลือคราบเหนียวๆ ซึ่งเป็นลักษณะของ ointment ทั่วไป
- การบรรเทาปวด 9 ยาร้อนแรงมากทีเดียวค่ะ


ต่อไปค่ะ ยาหม่องสมุนไพรเสลดพังพอน สมุนไพรวังพรม ยี่ห้อนี้จริงๆ มีหลายสูตรนะคะ แต่ก็ไม่ต่างกันมากค่ะ 
คะแนน:
- กลิ่น 10 กลิ่นหอมสมุนไพรค่ะ (ปกติชอบกลิ่นพวกสมุนไพรอยู่แล้ว)
- เนื้อสัมผัสและลักษณะเนื้อยา 7 เป็น ointment ทิ้งคราบเหมือนกันค่ะ และให้คะแนนติดลบอีก 1 เพราะมีสีเขียวทาแล้วสีเขียวอาจติดเสื้อผ้าได้ค่ะ
- การบรรเทาปวด 8 ออกฤทธิ์ช้า



Himalaya ไปได้มาจากอินเดียค่ะ เลยซื้อหมดเลยที่ for pain 555 ในรูปมี
- pain balm strong
- หลอดๆ เนื้อครีม muscle&joint rub
และก็ cold balm ไว้สำหรับคัดจมูกค่ะ (ไม่เกี่ยว แต่ถ่ายมาด้วย ><)
คะแนน:
- กลิ่น สีแดง 8 กลิ่นแนวสมุนไพรค่ะ ส่วนหลอดครีม 2 เลยค่ะ กลิ่นเหมือนยาสีฟันมากๆ
- เนื้อสัมผัสและลักษณะเนื้อยา 5 ถึงแม้จะเป็นเจลแต่ก็ทำออกมาไม่ดีค่ะเพราะเนื้อสัมผัสสากเกินไป ครีม 6
- การบรรเทาปวด 8 สำหรับเจลเพราะร้อนแรงดีค่ะ แต่ครีม 5 ไม่ค่อยรู้สึก


Perskindol ยี่ห้อนี้พึ่งรู้จักได้ 2-3 ปี จากคลินิครักษาโรคกระดูกและข้อ ค่ะ เนื่องจากวันหนึ่งมีอาการปวดคอมาก และอาเจียน จึงไม่ไหวละ เลยไปหาหมอ หมอส่งหานักกายภาพ เค้าบอกว่าลักษณะกล้ามเนื้อเรียงตัวผิดปกติ จึงสอนท่าบริหารมาประมาณ 5 ท่า และหมอจ่าย Perskindol สีเหลืองมา หมอบอกว่าตัวนี้แหละดีสุดแล้ว เย้ย!!! ทำไมเราไม่เคยเห็นน่ะ ขวนขวายมาตั้งหลายปี ><
ยี่ห้อนี้มี 2 แบบ classic (สีเหลือง), cool (สีฟ้า) แต่และแบบก็จะมีแบบ gel และ spray มาดูคะแนนสีเหลืองกันก่อนค่ะ
คะแนน:
- กลิ่น 7 เพราะจะมีกลิ่น alcohol เยอะไป
- เนื้อสัมผัสและลักษณะเนื้อยา เจลให้ 10 เพราะทาแล้วซึมหมดค่ะ ไม่เหลือไว้ติดนู่นนี่ ส่วน spray 10 ค่ะ เพราะใช้ง่ายไม่เปื้อนมือ
- การบรรเทาปวด 10 ทั้ง 2 แบบค่ะ ออกฤทธิ์เร็ว ประมาณ 5 นาที ร้อนแรงเหมาะกับอาการปวดที่ด้านชาแบบที่เป็นอยู่ ออกฤทธิ์ค่อนข้างนาน (30-60 นาที)

ส่วนสีฟ้า เคยใช้แต่แบบเจลนะคะ
คะแนน:
- กลิ่น 7 เพราะจะมีกลิ่น alcohol เยอะ เหมือนจะมากกว่าสีเหลืองนิดหน่อย (ไม่รู้คิดเองหรือปล่าว)
- เนื้อสัมผัสและลักษณะเนื้อยา 8 เพราะทาแล้วรู้สึกว่าจะเหลือคราบๆเป็นก้อนๆ (ไม่รู้ว่าเกิดจากการทาเยอะไปหรือปล่าวนะคะ แต่ไม่ชอบค่ะ เพราะชอบทาเยอะ โรคจิต)
- การบรรเทาปวด 10 คล้ายสีเหลืองค่ะ







หมดแล้วค่ะสำหรับยาทาภายนอก (ที่มีของจริงอยู่ตอนนี้) แต่จริงๆ มีอีกหลายยี่ห้อนะคะ ที่เคยใช้มา เช่น counterpain, voltaren, ตอนนี้มีออกมาใหม่สดๆ ร้อนๆ Reparil spray  ตัวที่คิดว่าโอเคก็ counterpain, reparil แต่ว่าไม่แรงเท่า Perskindol  อ๊ะ! ยังมีเจลพริก capsika อีกตัว (ยืมรูปจาก http://www.prachachat.net/) ร้อนแรงดีค่ะ แต่ว่ามันแสบด้วย และกลิ่นไม่รัญจวณเท่าไรค่ะ  

ยังมีอีกตัว ตอนนั้นไปเดินงานเกษตร ประจำปี ได้ยินมาแต่ไกล ยาสมุนไพรตราโยคี แก้นู่น แก้นี่สารพัด แก้ปวดได้ด้วย  โดนเลยจ้า ประมาณ 150-200 บาท ก่อนซื้อลองพ่นก่อนแล้วก็เดินซื้อของ รู้สึกว่าโอเคอยู่นะคะ เลยกลับไปซื้อ แต่ซื้อมาแล้วไม่รู้สึกเหมือนตอนลองเลยค่ะ ทิ้งอย่างเดียวงานนี้ ไม่รู้โดนหลอกหรืออะไร >< เรื่องนี้สอนให้รู้ว่าไม่เอาอีกแว้วค่ะ


มาดูแบบแปะกันบ้างค่ะ

แบบแปะมีหลายยี่ห้อ หลายแบบเหมือนกันนะคะ แต่ว่าช่วงนี้ไม่ได้ใช้ค่ะ เลยไม่มีรูปมาให้ดู ในรูปยี่ห้อ Neobun (จะเห็นว่าเยินมาก เพราะเมื่อก่อนพกติดตัว) ส่วนมากเค้าจะเอาไปปิดแก้ปวดฟันกันค่ะ เพราะแผ่นมันเล็กไป ราคาก็เล็กตามขนาดนะคะ ซึ่งจากการคำนวนแล้วถูกกว่ายี่ห้ออื่น เลยชอบยี่ห้อนี้ค่ะ แบบแปะก็จะดีกว่าแบบทาที่ไม่ต้องเปื้อนมือ ไม่เปรอะเสื้อ แต่การออกฤทธิ์ช้ากว่าและระยะเวลาการออกฤทธ์ก็ไม่ได้นานกว่าค่ะ และก็ขี้เกียจแปะด้วย บางทีปวดไปหมด ก็ต้องแปะเต็มหลังเลย ก็ยากกว่าแบบทาค่ะ
ยี่ห้ออื่นที่เคยใช้ ก็คิดว่าไม่ต่างกันมากนะคะ คือ ตราเสือ, Neobun (แผ่นเจล), แผ่นประคบร้อน (ด้านในจะเป็นถ่านดูดความร้อนจากตัวเรา)

สรุป
ชอบ Perskindol แบบ spray ที่สุดค่ะ ปัจจุบันนี้ พกตลอด แต่บางทีมันใหญ่ไปก็พกแบบเจลหรือยาหม่องเสือแทนค่ะ (แบบเจลบางทีเก็บในกระเป๋า เละเต็มเป๋าเลยค่ะ ต้องระวังนะคะ)  อย่างที่บอกว่าเจ้าของบล็อกชอบแบบโหดๆ โรคจิต เลยดูที่ความแรงของยา ดังนั้นตัวไหนที่ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่าเย็นหรือร้อน ก็จะรู้สึกว่าไม่ได้ผลค่ะ ขึ้นกับวิจารณญานผู้อ่านด้วยนะคะ

แต่อย่างไรก็ตามถ้าจะให้หายขาดต้องแก้ที่สาเหตุไม่ใช่ที่ปลายเหตุ (เจ้าของบล็อกรู้มาตลอดแต่ไม่ทำ) โดยการบริหาร ไปพบนักเทคนิคการแพทย์เพื่อปรึกษาท่าที่เหมาะกับเรา และทำๆๆๆๆๆๆ ค่ะ ตอนนี้ลืมท่าหมดแล้ว พิมพ์มาถึงตรงนี้ก็คิดว่าจะไปเริ่มต้นใหม่ค่ะ เพราะเราทนกับอาการนี้มาเป็น 10 ปีได้ยังไง สู้ๆ ค่ะ ทุกคน ไว้จะมา update การบริหารต่อไปนะคะ

God Blessed ^^
Picture taken by Fuji X-A1